รีวิว iPad Pro 12.9” WiFi 2018 หลังจากตกหลุมรักมาแล้ว 1 สัปดาห์เต็มๆ

Lemon Sensei
5 min readDec 23, 2018

--

iPad Pro 12.9" Gen 3 WiFi Only

และแล้ววันนี้ก็มาถึง ไอแพดโปรตัวใหม่ล่าสุดก็ได้มาอยู่ในมือผมแล้ว

จริงๆคือผมแพลนจะซื้อตัวไอแพดโปรนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้ว ณ ตอนนั้นเป็นช่วงปลายๆเจนสองที่วางขายอยู่ เพราะว่าเจ้า 6s ของผมมันก็จะเริ่มไม่ใหวแล้ว ต้องหาทางปลดระวางซักที + ผมมี Passion อยากวาดรูปด้วย เพราะงั้น iPad Pro จึงเป็นตัวเลือกที่ผมพุ่งเป้าไปในทันที

เมื่อลองศึกษาข้อมูลดูก็พบว่าในไลน์สินค้าของ iPad Pro ไม่ได้เปิดตัวรุ่นใหม่มาสักพักใหญ่ๆแล้ว ผมจึงตัดสินใจรอ และรอมาตลอดสองเดือนกว่า จนเปิดตัว (ยอมรับว่าเฮไม่น้อย) และอีกเดือนต่อมาถึงจะได้สั่งซื้อ และอีกเกือบครึ่งเดือนกว่าของจะเดินทางมาอยู่ในมือผม

ช่างเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าจริงๆ ดังนั้นขอเก็บรวบรวมความรู้สึกที่ได้คลุกคลีมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาในรีวิวนี้ โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้แต่อย่างใด 555555 จ่ายเอง เจ็บเอง โดยแท้

รีวิวนี้พิมพ์บนแอปฯ Medium บน iPad Pro นะครับผม

ภาพรวม

การสั่งซื้อครั้งนี้ทำผ่าน Apple Store Online ประเทศไทย โดยสั่งซื้อสินค้าทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกัน ประกอบไปด้วย

  1. iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว WiFi สีเทาสเปซเกรย์
  2. Smart Folio สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว สีเทาชาร์โคล
  3. Apple Pencil 2

ถึงแม้จะสั่งซื้อพร้อมๆกัน แต่ทางแอปเปิ้ลเองก็ส่งสินค้าแยกเป็นชิ้นมา สินค้าจะมาถึงไม่พร้อมกัน และผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามประเทศก็ไม่ใช่คนเดียวกัน เดาว่าถ้าสินค้านั้นมีมูลค่าสูงมาก แอปเปิ้ลจะเลือกไปใช้บริการของ DHL แต่ถ้าสินค้ามูลค่าไม่สูงมากนักจะใช้บริการของ UPS แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อเท็จจริงก็คงจะต้องไปถามทางแอปเปิ้ลเองล่ะครับ

แต่จะยังไงก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วผู้ให้บริการที่มาส่งหน้าบ้านผมก็คือ Kerry 😋

ชิ้นแรก – Smart Folio สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว

ชิ้นแรกที่มาถึงภายในสามวันหลังจากกดยืนยันออเดอร์ไปคือเจ้า Smart Folio ตัวนี้ จริงๆต้องบอกว่ามันเหมือนเป็น Smart Cover ร่างอัพเกรดมากกว่า โดยอัพเกรดให้คลุมทั้งหน้าและหลัง (แต่ไม่คลุมด้านข้าง) และก็ถือโอกาสขึ้นราคาเป็นสองเท่าซะเลย โดยอ้างว่าใช้วัตถุดิบเพิ่มขึ้นสองเท่า?

Smart Folio สำหรับรุ่น 12.9"

สำหรับผมถือว่าเจ้าตัวนี้เป็นของจำเป็นในระดับหนึ่ง สกิลของมันหลักๆก็จะเป็นการปกป้องริ้วรอยทั้งหน้าและหลังเครื่อง กันกระแทกนิดหน่อย ตัวโฟลิโอเองมีความเหนียวค่อนข้างมาก โดยผมทดลองงอเปล่าๆพบว่าต้องใช้แรงค่อนข้างมาก แต่ตัวมันก็ไม่ยอมงอซักเท่าไร ถือว่าค่อนข้างวางใจเรื่องเครื่องงอไปเปราะหนึ่ง

แต่อัลติที่แท้จริงก็คือ เราสามารถใช้มันช่วยในการวางตำแหน่งเครื่องในรูปแบบต่างๆได้แล้วแต่อิริยาบทในการใช้งาน โดยการพับฝาหน้าขึ้นไปเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วจากนั้นจะวางยังไงก็ได้แล้วแต่การใช้งานเลย คนที่เคยเห็นรูปแบบการใช้ Smart Cover คงมองออกได้ไม่ยาก ซึ่งสกิลนี้มันทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นมากจริงๆ

สำหรับตัว Smart Folio ตัวนี้จะใช้แม่เหล็กยึดกับหลังเครื่องตรงๆ มีความหนาแน่นพอสมควร ติดสนิท ไม่เคยหลุดแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากจะสะบัดแรงจริงๆ แต่ต้องย้ำว่าตรงขอบด้านบนและด้านล่าง รวมทั้งด้านข้างฝั่งที่ไว้ยึดตัวดินสอจะไม่ได้รับการปกป้องใดๆ ให้ระมัดระวังการกระแทกกับของแข็งให้ดี

ชิ้นที่สอง iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว WiFi

สำหรับชิ้นที่สองที่มาถึงนี้ก็คือพระเอกของเรานั่นเอง โดยใช้เวลาไปทั้งหมดร่วมๆ 14 วันนับตั้งแต่ยืนยันออเดอร์ ความรู้สึกแรกที่แกะกล่องออกมาต้องบอกว่าว้าว! เพราะว่าไอแพดตัวล่าสุดที่ผมได้เคยจับเล่นก็คือ iPad 2 รุ่นในตำนาน ซึ่งเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สเป็ค เทคโนโลยีใหม่ๆ เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆสำหรับครั้งนี้

ตัวเครื่องมาในกล่อง ของแถมไม่มี Minimal สไตล์ Apple

ถ้าเทียบกับตัวเก่าหน้าจอ 9.7 (กับขอบหนาๆ) แล้วล่ะก็ ความรู้สึกที่บอกได้เลยก็คือ มันใหญ่มาก!! และแน่นอนมันมาพร้อมกับน้ำหนักที่มากกว่า แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนที่สะพายเป้ไปไหนต่อไหนอยู่แล้ว

สำหรับการถือใช้งาน ผมพอจะบอกได้ว่าเจ้านี่มันเหมาะกับการใช้งานแบบตั้งบนโต๊ะซะมากกว่า เพราะด้วยน้ำหนักของมันรวมกับอุปกรณ์เสริมแบบเต็มสูบ ทำให้การถือด้วยมือลำบากพอสมควร เอาง่ายๆคือมันหนักครับ โดยเฉพาะการถือมือเดียว ส่วนการเอาไปนอนกลิ้งดูเมะ ดูซีรีย์ ตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม คุณสามารถกลิ้งไปกลิ้งมาได้อย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ ไม่เหมือนกับเอาโน๊ตบุ๊คมาเปิดดู

ยิ่งถ้าได้คอมโบคู่กับ Smart Folio แล้วล่ะก็ การใช้งานจะง่าย สะดวก และสนุกมากขึ้นอีกเยอะเลย ตรงจุดนี้จะต่างกับตัว Smart Keyboard Folio นิดหน่อยตรงที่เจ้าตัวเคสคีย์บอร์ดจะจำกัดรูปแบบการวางเครื่องไว้ เราจะไม่สามารถวางเครื่องในลักษณะนอนราบแล้วยกหัวขึ้นมาเล็กน้อยได้ (เหมาะกับการเล่นเกม) ตรงจุดนี้ Smart Folio กินขาด

อีกจุดหนึ่งที่จะไม่เขียนก็คงไม่ได้โดยเฉพาะสำหรับคนที่เพิ่งเคยอัพเกรดมาเป็น iPad Pro ใหม่ๆคือเรื่องของหน้าจอ แน่นอนว่าหน้าจอสไตล์ไร้ของตามสมัยนิยมมันแจ่มอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือเจ้าตัว Pro Motion ที่ทำให้เจ้าไอแพดตัวนี้มีรีเฟรชเรทมากถึง 120 เฮิรตซ์ ที่คงไม่อาจบรรยายใดๆได้นอกจากไปเห็นด้วยตาตัวเองครับ ความสมูทของภาพ มันลื่นจนหัวแตกจริงๆ

ชิ้นสุดท้าย Apple Pencil รุ่นที่ 2

มาถึงเป็นชิ้นสุดท้ายโดยมาหลังจากชิ้นที่สองหนึ่งวันคือเจ้า Apple Pencil รุ่นที่ 2 ตัวนี้ โดยรวมผมชอบมากกว่ารุ่นแรกอยู่ตรงที่มันสามารถยึดติดกับตัวเครื่องได้ด้วยแรงแม่เหล็กพร้อมกับชาร์จและ Pair ไปในตัว ซึ่งมันควรมีมาตั้งแต่ในรุ่นแรกแล้วอ่ะนะ แล้วก็มีในส่วนของการออกแบบที่ทำให้ด้านหนึ่งของตัวด้ามแบนเรียบ ตัดปัญหาเรื่องการกลิ้งหล่นจากโต๊ะไปได้เลย

ตัวดินสอสั้นกว่ารุ่นแรกหน่อย ความรู้สึกเวลาจับเหมือนมันจะนุ่มๆ ทั้งๆที่มันก็ไม่นุ่มอ่ะนะ

วัสดุที่ใช้เป็นแบบด้านแต่ให้ความรู้สึกในการสัมผัสนุ่มๆ ละมุนๆ จะพลาสติกก็ไม่ใช่ จะซิลิโคนก็ไม่เชิง และผมชอบเอามันลูบๆถูๆด้วยเหตุผลอันใดก็ไม่อาจทราบได้ 😘

สำหรับคุณภาพการใช้งานก็คงไม่ต่างจากรุ่นแรกมากนัก ยังเรียกได้ว่าแจ่ม เพิ่มเติมเข้ามาคือฟังชันก์แตะๆที่ตัวด้ามแล้วสามารถเปลี่ยนคำสั่งการใช้งานเครื่องมือได้โดยไม่ต้องจิ้มจอ แต่ที่ติดใจเล็กน้อยคือ ในเมื่อราคาค่าตัวมันบวกมาร่วมพัน แต่ทำไมเอ็งไม่แถมหัวทิปมาให้ด้วยฟร่ะ 😱😱😱

แต่เอ๊ะ เหมือนหัวทิปมันไม่สามารถจะถอดได้แฮะ แล้วถ้าเกิดหัวมันทู่ขึ้นมาจากการใช้งานแล้วเราจะทำยังไง? หรือว่าต้องซื้อใหม่ทั้งด้าม? หรือว่าแอปเปิ้ลมั่นใจว่ามันจะถึกทนมาก? ใครมีข้อมูลตรงนี้รบกวนแชร์ต่อให้ผมหน่อยครับ -0-

สิ่งที่รัก

โคตรไอแพดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยได้จับมา

ข้อนี้น่าจะถูกใจสายกราฟฟิคหรือคนที่ไม่ค่อยพกพาไปไหนต่อไหนบ่อยๆ ด้วยขนาดที่จัดว่าใหญ่ใช้ได้ แบกไปมาลำบากหน่อยแต่เห็นชัดเต็มตาแน่นอน ข้อดีแน่ๆอย่างนึงเลยสำหรับสายวาดก็คือเราสามารถเอามือทาบลงไปบนจอเวลาวาดโดยที่มือไม่ตกขอบครับ

ในเมื่อเครื่องใหญ่ แบตเตอรี่ที่ยัดเข้ามาในเครื่องก็ใหญ่ตาม ทำให้เวลาใช้งานหรือสแตนด์บายจะนานขึ้นมากกว่ารุ่นจอเล็ก

เครื่องแรงแบบแรงมากจริงๆนะเออ

การันตีด้วยการทดสอบจาก AntutuBenchmark และ Geek Bench 4 พบว่าได้คะแนนแรงแซงทุก Device ที่มีอยู่ในตอนนี้ บอกได้เลยว่า ณ เวลานี้ยังไม่มีแอพใดๆที่จะสามารถรีดพลังการประมวลผลของเครื่องออกมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกหยด ยกเว้นเกมกราฟฟิคสูงๆที่จะออกมาหลังจากนี้

คะแนนการทดสอบหลุดลอยรุ่นเก่าไปแบบไม่เกรงใจกันเลย

ในส่วนของ Antutu ได้คะแนนไปทั้งสิ้นทะลุห้าแสนคะแนนไปเป็นที่เรียบร้อย แรงกว่าไอโฟนรุ่นปัจจุบันเสียอีก โดยกว่าสามแสนคะแนนนั้นมาจากกราฟฟิกล้วนๆเลย

ส่วนของ Geek Bench ที่จะทดสอบการทำงานของหน่วยประมวลผล ในแกนเดี่ยวนั้นได้ไปถึง 4,987 คะแนน และมัลติคอร์ได้ไปทั้งสิ้น 17,692 คะแนน เรียกได้ว่าตามหลัง MacBook Pro 2017 ตัวปัจจุบันของผมชนิดที่ว่าแทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว

เอาเป็นว่าเจ้าไอแพดตัวนี้สามารถโหลดงานหนักๆอย่างการตัดต่อวีดีโอความละเอียดสูง การเรนเดอร์ภาพออกมาได้มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ประสบการณ์การวาดเขียนดีสมคำร่ำลือ

สกิลการวาดระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ประสิทธิภาพเครื่องดีจริง

อันนี้สายวาดก็คงจะรู้ๆกันอยู่แล้ว ก่อนอื่นคือผมไม่ได้วาดเขียนเก่งเป็นทุนเดิม เรียกได้ว่าวาดรูปได้แบบไก่กามาก สมัยเรียนมีเดียจะมีคาบที่ต้องจับเมาส์ปากกาวาดรูปในคอม เป็นคาบที่ชอบและเกลียดไปพร้อมๆกัน เพราะผมไม่สามารถวาดที่นึงแต่มองอีกที่นึงได้ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

แต่พอได้เจ้าไอแพดโปรมา สิ่งแรกๆที่ผมตั้งเป้าหมายจะลองเลยก็คือความเจ๋งในการวาดว่าจะสมคำร่ำลือหรือไม่ ซึ่งก็พบว่าผมวาดบนเจ้าไอแพดโปรนี่ออกมาได้ดีพอสมควร อย่างน้อยๆก็สวยกว่าวาดบนกระดาษเยอะเลย

ส่วนด้านล่างนี้เป็นภาพจากเพื่อนสายวาดของผมที่อนุญาติให้นำมาประกอบการรีวิวครั้งนี้ ต้องขอบคุณมาล่วงหน้าด้วยจ้า

อันนี้ของคนจริงเขาวาดกันน่ะ… ฮ่าาาาา!!

ไม่ต้องกลัวดินสอหายแล้ว <- ไม่จริงเฟร้ยยย!

หลังจากได้เสียงบ่นเสียงแซะไปพอสมควรสำหรับ Apple Pencil รุ่นแรก บัดนี้รุ่นที่สองก็ได้จุติเรียบร้อยพร้อมกับความสามารถใหม่ๆ (ที่สมควรมีตั้งแต่รุ่นแรก) ไม่ว่าจะเป็นเอาไปแปะติดข้างเครื่องได้แบบไปไหนไปกัน ซึ่งก็เป็นดาบสองคม เป็นประโยชน์และโทษไปในคราเดียวกัน หรือการจับคู่และชาร์จได้แบบไร้สาย

ในแง่ของการพกพาเอง การแปะติดข้างเครื่องแบบนี้ช่วยเพิ่ม Mobility ให้กับผู้ใช้ได้พอสมควรโดยไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม แต่จากการใช้งานมันยังมีข้อจำกัดอีกเล็กน้อยซึ้งไว้จะกล่าวในส่วนของข้อเสียในภายหลัง

แต่แอปเปิ้ลเองก็เพิ่มความแปลกใหม่ลงไปโดยทำให้เจ้าดินสอแท่งนี้ตรวจจับการ “แตะ” ลงบนตัวด้ามดินสอได้ ซึ่งเราสามารถใช้การแตะนี้สั่งงานให้กับแอปฯที่เราใช้งานอยู่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแอปฯว่ารอบรับได้มากน้อยแค่ไหน

หลงรักเสียงที่ออกมาจากลำโพงมากถึงมากที่สุด

เคยได้ยินคนพูดถึงมาตั้งแต่สมัย iPad Pro Gen 2 ในเรื่องของคุณภาพเสียงจากลำโพงข้างเครื่องว่ามันดีจนน่าตกใจ สำหรับรุ่นใหม่นี้เองก็มีลำโพงมาด้วยกันสี่ตัว และมีความดังกับคุณภาพที่ดีขึ้น (ทั้งๆที่เครื่องบางลง)

จุดสังเกตุคือตัวลำโพงจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์โดยจะตรวจจับว่าเราใช้งานเครื่องในลักษณะไหนและจะปล่อยเสียงสูงออกมาเฉพาะลำโพงคู่ที่อยู่ด้านบนเท่านั้น และถ้าเราให้เครื่องอยู่ด้านหน้าเรา มิติของเสียงจะมาเต็มมากๆ

โดยรวมคือประทับใจเสียงจากลำโพงมากๆ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีอุปกกรณ์บางๆชิ้นไหนให้คุณภาพเสียงได้ดีขนาดนี้ ต้องลองไปฟังดูเองแล้วจะเข้าใจ

สิ่งที่เกลียด

Apple Pencil มันไปอยู่ตรงที่สำหรับจับพอดี

ลองจินตนาการดูนะครับว่าปกติเราจับหรือหิ้วไอแพดกันในท่าไหน ถ้าตามปกติแล้วเราก็คงจะจับในด้านยาวของมันใช่ไหม ซึ่งปกติมือของเราจะนาบไปกับขอบของตัวไอแพดพอดี ทำให้จับได้อย่างมั่นคง แต่พอมีแท่งอะไรสักอย่างมาขวางระหว่างฝ่ามือเรากับไอแพด การจับจะต้องเว้นพื้นที่ไว้นิดหนึ่ง

แล้วปัญหาก็บังเกิดขึ้นทันที ในเมื่อจับไม่กระชับ มันก็เพิ่มโอกาสในการตกหล่นได้ เพราะส่วนที่สัมผัสตัวเครื่องจริงๆคือนิ้วเท่านั้นไม่ได้นาบไปทั้งฝ่ามือ

บางคนอาจจะบอกว่า “งั้น ทำไมไม่เปลี่ยนไปจับอีกฝั่งล่ะ” ถ้าเป็นแบบนั้นก็แปลว่าเราต้องหันด้านที่มีดินสอติดอยู่ลงพื้น ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรถ้าต้องจับแบบนี้ “หรือถ้าแยกดินสอมาถือต่างหากล่ะ” อันนี้ก็คงผิดวัตถุประสงค์ที่ถูกสร้างมากับเพิ่มความลำบากเปล่าๆ

ทางแก้ก็คือ ถือระวังๆเป็นพอ

แม่เหล็กมันควรจะแข็งแรงกว่านี้สิ

สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมเป็นกังวลก็คือแม่เหล็ก ถึงแม้มันจะดูดให้ดินสอติดอยู่ข้างเครื่องได้ แต่แรงแม่เหล็กมันไม่ได้มากมายอะไรเลย แค่การเผลอสะกิด (หรือเอามันไปสะกิด) แบบไม่ได้ตั้งใจเบาๆก็อาจทำให้ตัวดินสอเคลื่อนหรือหลุดออกจากตำแหน่งได้

ให้คิดซะว่าการเอาดินสอไปแปะข้างเครื่องได้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะช่วยป้องกันการสูญหายได้ 100%

เพิ่มเติมคือให้ระวังการแปะผิดจุด เวลาแปะดินสอกับเครื่องจะต้องแปะลงตรงกลางเท่านั้นถึงจะมีแรงดูดเพียงพอ การแปะให้เบี้ยวจากตรงกลางจะยังสามารถแปะติดได้ แต่แรงดูดจะน้อยลงมากๆ และให้ระวังอย่ารูดตัวดินสอเวลาแปะลงไปแล้วเพราะอาจสร้างรอยถลอกให้ตัวเครื่องได้ และการรูดไปมาบางตำแหน่งสามารถผลักตัวดินสอให้กระเด็นออกจากเครื่องได้ (แม่เหล็กขั้วเหมือนกัน)

ระวัง! ตัวเครื่องเปราะบางกว่าที่คิด!!

สงสัยเพราะเทรนด์ความบางมาแรง ก็ไม่แปลกที่ไอแพดตัวใหม่ก็จะเกาะกระแสไปกับเค้าด้วย ก็แหม เล่นบางซะขนาดนี้จะไม่งามได้ยังไง แต่มันก็มาพร้อมๆกับข้อเสียบางอย่างซึ่งผมก็แจ็กพ็อตแตกตั้งแต่วันแรกที่ได้เครื่องมาเลย

ด้านข้างเครื่องมีรอยถลอกเล็กๆเหมือนตัวเครื่องไปถูกกระแทกมา ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้มีอะไรมากระแทก รอยนี้อาจเป็นความเสียหายระหว่างขนส่งก็เป็นได้ แต่ถามว่าจะเคลมไหม ก็คงไม่ เพราะตำแหน่งที่เป็นรอยอยู่ใต้จุดที่แปะดินสอพอดี แถมมันก็เล็กมากจนถ้าไม่สังเกตุก็คงมองไม่เห็น

ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าต้องพกพาไอแพดเครื่องนี้ออกไปข้างนอกบ่อยๆ ก็หาเคสมาใส่ซะ หรือเพิ่มความระมัดระวังซักหน่อย แต่ยังไงเสียสักวันมันก็ต้องมีรอยอยู่แล้ว ใช้งานให้เต็มที่ดีกว่ามาเสียเวลาเครียดเพราะมีรอยถลอกเล็กๆน้อยๆนะ

Productivity กับการใช้เพื่อการทำงาน

ลองเอามาทำเป็นจอที่สองได้นะ

มีแอปฯเสียเงินตัวหนึ่งชื่อว่า Duet Display เอาไว้ให้เราเสียบสายแล้วเปลี่ยนเจ้าไอแพดเป็นจอที่สองได้ มีประโยชน์มากๆเวลาไปนำเสนองานหรือสอนพิเศษเด็กกลุ่มเล็กๆ ก็ใช้เจ้าไอแพดเป็นหน้าจอพรีเซ้นซะเลย

อีกประโยชน์ของมันคือทำให้เราใช้งานสองหน้าจอได้พร้อมๆกันโดยไม่ต้องสลับไปมา สำหรับงานบางจำพวกที่ต้องการพื้นที่สำหรับชิ้นงานกว้างๆและต้องการพื้นที่สำหรับวางเครื่องมือด้วย ก็แยกจอกันไปเลย สะดวกดีเหมือนกัน

Duet Display เป็นหนึ่งในไม่กี่แอปฯที่การใช้งานหน้าจอที่สองแทบจะไม่มีความหน่วงอยู่เลย แถมความละเอียดค่อนข้างสูง เฟรมเรทก็สูง ไม่ดีเลย์อีกต่างหาก ราคาค่อนข้างคุ้มกับค่าตัว 10$ (แต่รีบหน่อย ไม่รู้มันจะปรับราคากลับเมื่อไร)

คอมโบคู่กับ Trello for iPad จัดการ Task ต่างๆได้อย่างลงตัว

หน้าตาแอปฯ Trello

ผู้รู้จักเจ้า Trello มาตั้งแต่สมัยไปฝึกงาน ความรู้สึกเหมือนเราเอากระดาษโพสอิทไปแปะที่ฝาผนังไว้เตือนว่าควรทำอะไรตอนไหน เจ้า Trello ก็มาแนวเดียวกันเลย เราสามารถสร้างการ์ดแล้วเอาไปแปะในหมวดต่างๆ แต่ละหมวดก็แทนสถานะของงานนั้นๆ

ซึ่งเราสามารถใช้เดี่ยวๆหรือใช้ร่วมกับคนอื่นก็ได้เวลาทำงานเป็นโปรเจคต์ใหญ่ๆ ส่วนตัวผมชอบประยุกต์มาเป็นโน็ตไว้คอยลิสต์ว่าต้องทำอะไรภายวันไหน มันสะดวกกว่าการจดโน๊ตปกติอย่างมาก

Trello มีทั้งเวอร์ชั่นเว็บและเวอร์ชั่นโมบาย โดยเฉพาะไอแพดที่การจัดวางหน้าตาสวยงามมาก มีพื้นที่ให้แปะการ์ดอีกเพียบ

Multitasking ช่วยให้การทำงานลื่นใหลขึ้นมาก

การแบ่งหน้าจอแบบต่างๆ ช่วยให้ทำได้หลายอย่างพร้อมกัน สะดวกมากขึ้น

ตั้งแต่ iOS 11 ที่ให้ Dock กับความสามารถในการเปิดแอปฯพร้อมๆกันสองแอปฯในพื้นที่หน้าจออันเหลือเฟือของไอแพด เป็นฟีเจอร์ที่ทำออกมาแล้วใช้งานได้จริงและได้ใช้บ่อยมากๆ

ลองนึกภาพว่าการเขียนบล็อกพร้อมกับเปิดเว็บหาข้อมูลไปได้ด้วยโดยไม่ต้องสลับหน้าจอจะสะดวกขนาดไหน แถมสามารถลาก (Drag & Drop) ข้อมูลบางอย่าง เช่น รูปภาพ ระหว่างแอปฯได้อีกด้วย เรียกได้ว่าไอแพดใช้งานสะดวกและดูน่าใช้ขึ้นอีกเยอะ

โดยการแบ่งหน้าจอจะแบ่งได้ทั้งหมด 3 + 1 แบบ คือ 1:2 1:1 และ 2:1 และเพิ่มหน้าจอแบบลอยเข้ามาซึ่งจะทำให้แอปฯที่เป็น Multitask ลอยเป็น Popup อยู่บนอีกแอปฯหนึ่งได้ (ส่วนมากใช้ในกรณีบางแอปฯไม่รองรับการแบ่งหน้าจอ)

Play & Entertainment

ตอบโจทย์คนชอบนอนดูเมะ ดูซีรีย์บนเตียงแบบสุดๆ

สมัคร Netflix ไว้ ดูเมะกันให้ตาแฉะ

ใครที่สมัคร Netflix ไว้แล้วสตรีมหนังมาดูบน iPad Pro 2018 ตัวนี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะภาพที่มาคมชัด ลื่นใหล แถมลำโพงก็ให้เสียงที่เรียกได้ว่า โคตรกระหึ่ม ใครที่ชอบนอนดูซีรีย์บนเตียงคงถูกอกถูกใจไม่น้อย

แต่ส่วนตัวผมขอไปนั่งดูตามปกติดีกว่า เพราะว่ามันเมื่อยไปหน่อย = = แถมกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วมันร่วงทับหน้านี่มีดั้งหักแน่ๆ…

เครื่องแรงขนาดนี้ จะเกมไหนๆก็ไม่กระตุก

การเล่นเกมอาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะอินเตอร์เฟสที่ใหญ่ขึ้น การลากนิ้วอาจจะรู้สึกเหวอๆในตอนแรก

คือประสิทธิภาพเครื่องมันแรงมากจริงๆ จะเกมที่ออกปีนี้หรืออีกสองถึงสามปีข้างหน้าคิดว่าน่าจะ “เอาอยู่”ใน setting ระดับสูงสุดทุกเกมแน่นอน

เปรียบเทียบได้ง่ายๆ เช่น iPhone 6s ที่ทดสอบ Antutu ได้คะแนนราวๆ 140,000 คะแนน ยังเล่น RoV ได้เฟรมเรทนิ่งๆที่ 60 fps เพราะฉะนั้นเจ้า iPad Pro 2018 ที่ทดสอบได้คะแนนไปกว่าห้าแสน!! คงแทบจะไม่สะท้าน

เอาจริงๆคือยังหาเกมหรือแอปฯที่มารีดความสามรถทั้งหมดของเครื่องได้ยากมาก (ยกเว้นงานประเภทเรนเดอร์นะ)

มีข้อแนะนำนิดนึงสำหรับใครที่เล่นเกมบนมือถือมาก่อนแล้วเปลี่ยนมาเล่นบนไอแพด คือ หน้าจอการควบคุมมันจะใหญ่ขึ้น ต้องหัดการควบคุมใหม่ทั้งหมด การถือเล่นนานๆเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องวางเครื่องเล่นเท่านั้น อาจจะรู้สึกแปลกๆแต่พอชินแล้วก็ไม่เป็นปัญหา และควรซื้อ Smart Folio ไว้ด้วย

หน้าจอใหญ่ขึ้น อ่านหนังสือได้สนุกเหมือนอ่านบนกระดาษ

สำหรับนักอ่านแล้ว เจ้าไอแพดมันเต็มตามากๆ

ใครที่เป็นแฟนคลับ WEBTOON หรือ Comico น่าจะถูกใจหน้าตาแอปฯเวอร์ชั่นไอแพดพอสมควร มันกว้าง ใหญ่ อ่านได้อย่างเต็มตามากๆ เหมือนกับเราถือหนังสือ แต่มีข้อเสียเดียวคือถ้าต้องถืออ่านนานๆมันอาจจะหนักไปซักหน่อย

คำแนะนำ

กรุณาหาเคสมาใส่ ณ บัดนาว

ไม่ใช่แค่ตัวเครื่องบางลงจนสามารถหักครึ่งเครื่องได้ด้วยสองมือเพียงอย่างเดียว แต่ตัวเครื่องเองก็เปราะบางต่อริ้วรอยเล็กๆน้อยๆอย่างมาก เพียงแค่คุณจับมันโยน (เบาๆ) ลงในตระกร้าพลาสติก ตัวเครื่องก็พร้อมจะเป็นรอยได้

การจับถือ การวาง หรือจับกระแทกกับวัตถุแข็งใดๆโดยไม่ได้ตั้งใจแม้เพียงเบาๆก็สามารถสร้างรอยยุบ บุบ ถลอกที่ด้านข้างตัวเครื่องได้

ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องติดฟิล์มกันรอยหน้าจอ

เนื่องจากว่าสายตระกูล iPad Pro นั้นจะใช้หน้าจอชนิดพิเศษที่ตัวจอกับกระจกครอบจอนั้นอยู่แนบชิดกันมากๆ เหตุผลเพราะการใช้งานดินสอจะรู้สึกสมจริงมากยิ่งขึ้นถ้าหากว่าเส้นที่เขียนลงบนหน้าจอนั้นอยู่แนบชิดกับปลายดินสอ เหมือนกับว่าได้เขียนลงบนกระดาษจริงๆ การติดฟิล์ม (โดยเฉพาะฟิล์มกระจก) จะเป็นการเพิ่มช่องว่างตรงนี้

อีกประการหนึ่งคือหน้าจอไอแพดนั้นมีโอกาสเกิดการขีดข่วนน้อยกว่าไอโฟนมาก เพราะการใช้งานไอแพดส่วนใหญ่จะใช้งานแบบตั้งโต๊ะ มีน้อยครั้งมากที่จะใช้งานระหว่างกำลังเคลื่อนไหว และถ้าหากใส่เคสหรือติด Smart Folio ไว้ การพับปิดหน้าจอไว้ก็จะไม่มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนขึ้น

Smart Folio ของดีมันต้องมี จริงๆนะ

สำหรับเกมเมอร์หรือนักดูซีรีย์ ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นไอเท็มจำเป็นที่จะขาดไปไม่ได้เลย เพราะองศาการวางตัวเครื่องที่พอเหมาะจะช่วยให้เล่นเกมหรือดูซีรีย์ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น แถมช่วยปกป้องเครื่องจากรอยถลอดด้านหลังและการงอได้ดีในระดับหนึ่ง

สรุป

เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร

มีหลายเงื่อนไขสำหรับฟิลเตอร์ว่ารุ่นไหนคือรุ่นที่ใช้สำหรับเรา หลักๆแล้วคือตอบตัวเองให้ได้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร

  • จำเป็นจะต้องพกพาบ่อยๆหรือไม่ – ถ้าหากคำตอบคือใช่ รุ่น 11” จะมีขนาดเล็กกว่ารุ่น 12.9” อยู่พอสมควร ซึ่งการพกพาจะทำได้คล่องตัวมากกว่า
  • ต้องการขนาดจอใหญ่แค่ไหน – ยิ่งจอใหญ่ ยิ่งมีพื้นที่ทำงานมากขึ้น แต่ราคาค่าตัวก็จะมากขึ้นเช่นกัน
  • งบประมาณเยอะแค่ไหน – ถ้าหากงบประมาณไม่สูง ตัว iPad 2018 ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าสนใจอยู่พอสมควร
  • ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษา ตัว iPad 2018 จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่ามากถ้านำไปจดแลคเชอร์ อ่าน PDF ดูหนัง เล่นเกมนิดๆหน่อย ไม่เน้นวาดเขียน ไม่เน้นแอปฯที่ต้องใช้กำลังประมวลผลสูงๆ

รีวิวนี้อาจจะเขียนแบบกาวๆหน่อย แถมใช้เวลาเขียนหลายวัน วันละนิดๆหน่อยๆ อาจจะสัมผัสได้ถึงความไม่ค่อยต่อกัน ก็ต้องขออภัยมาด้วยนะครับ

Sign up to discover human stories that deepen your understanding of the world.

Free

Distraction-free reading. No ads.

Organize your knowledge with lists and highlights.

Tell your story. Find your audience.

Membership

Read member-only stories

Support writers you read most

Earn money for your writing

Listen to audio narrations

Read offline with the Medium app

--

--

No responses yet

Write a response