รีวิว Apple Magic Mouse 2 อยู่ๆก็ได้มาแบบงงๆ เลยต้องรีวิวแบบงงๆ

Lemon Sensei
2 min readJul 4, 2019

ขนาดกล่องเล็กกว่าที่คิดไว้หน่อย

เนื่องจากว่าใช้ Macbook Pro ตัวปัจจุบันนี้มาเกินกว่าสองปีแล้ว ที่ผ่านๆมาก็ใช้แต่แทร็คแพดของมันมาตลอด ยอมรับว่าเยี่ยมดี ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องใช้เมาส์เลย จนกระทั่งตอนนี้ที่เริ่มมีความรู้สึกอยากเล่นเกมเล็กๆน้อยๆกับเขาบ้าง + งานช่วงนี้ต้องใช้ความละเอียดกับความไวในการลากเมาส์ หลังจากตัดสินใจอยู่พักใหญ่ๆเลยก็โดนกิเลสครอบงำจนได้

ต้องเล่าก่อนว่าผมยังไม่เคยใช้เจ้าตัว Magic Mouse มาก่อน อาจจะมีเคยจับสินค้าในตระกูลเดียวกันมาบ้าง เช่น เจ้า Apple Mouse ที่มีสาย USB กับลูกกลิ้ง 360 องศา (ที่พังเกือบทุกตัวเพราะคนใช้ชอบกินขนมแล้วเอานิ้วมันๆไปไถมันเล่นๆ จนคราบสะสมเข้าไปข้างในจนใช้งานไม่ได้ = =) ตอนสมัยที่ยังเรียนในมหาลัยฯ

ตอนแรกผมคิดว่าจะหาเมาส์เกมมิ่งถูกๆมาใช้แก้ขัดไปก่อน แต่คิดไปคิดมา พอร์ต USB ที่มีอยู่ตอนนี้ก็แทบจะไม่พอใช้แล้ว จะหาเมาส์ไร้สายธรรมดามาใช้ก็ต้องเปลืองพอร์ตสำหรับเสียบ Dongle อยู่ดี กับความคิดที่ว่า “ไหนๆก็ใช้แมคแล้ว ทำไมไม่ลองใช้เมาส์สุดเทพสำหรับมันโดยเฉพาะไปเลยล่ะ” <- ไอความคิดแบบนี้แหละ เสียหายกันมาเท่าไรแล้ว ต้องยกให้วิชาการโน้มน้าวขั้นสุดของ Apple เขาจริงๆ 555555

จากนั้นผมก็ไม่รอช้า เข้าลาซาด้าแล้วกดสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว

ณ ช่วงเวลานั้นมีความคิดในหัวตีกันอย่างมากมายว่ามันจะคุ้มจริงๆมั้ยเนี่ย กับอุปกรณ์เสริมราคา 2,290 บาท ที่เอาจริงๆแทร็กแพดติดเครื่องมันก็เทพจนไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้ว แต่กิเลสละด้วยการซื้อ ไม่ลองก็ไม่รู้คำตอบ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยกล่องเล็กๆกล่องนี้

**ขอตินิดนึง กล่องชั้นนอกที่ลาซาด้าส่งมามันใหญ่กว่าตัวกล่องเมาส์หน่อยนึง แต่ลาซาด้าไม่ได้ยัดอะไรอุดช่องว่างตรงนั้นไว้ ทำให้เวลาเขย่ากล่องเราจะได้ยินเสียงของข้างในกระแทกไปกระแทกมา =[]= แถมตรงฐานกล่องก็บอบบางซะเหลือเกินจนแหวกดูของข้างในได้แบบไม่ยากเย็นนัก

ปล. ผมลืมถ่ายรูปมา

มา Unbox ของกัน

กว่าจะเปิดออกมาได้

หลังจากที่จัดการแกะพลาสติกหุ้มกล่องออกแล้ว วิธีการเปิดกล่องก็เป็นวิธีเดิมๆที่เราคุ้นเคยกัน นั่นก็คือ ยกตัวกล่องขึ้นแล้วรอให้ของทั้งหมดค่อยๆไหลออกมานอนแผละ อวดความงดงามให้เราดูอยู่บนโต๊ะ ซึ่งจะเพราะว่าของมันเบาไปหรือว่าอย่างไรก็ไม่รู้ กล่องมันไม่เปิดว่ะเห้ย 555555 ต้องใช้วิธีเขย่าเบาๆช่วยให้มันไหลออกมา ซึ่งตรงนี้

ผมขอเตือนจากประสบการณ์จริงว่า ให้เขย่าเบาๆ และอย่าเปิดกล่องในลักษณะตะแคง เพราะว่าของที่อยู่ข้างในมันแค่นอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีระบบรักษาความปลอดภัยใดๆ และกล่องก็ตื้นมากๆ ชนิดที่ว่าถ้าเปิดด้วยความรีบร้อนก็อาจจะได้ความเซอร์ไพรส์ขั้นสุดแถมมาด้วยก็ได้ เพราะของด้านในมันจะทะลักออกมาหมดเลย

กลับมาต่อ หลังจากที่เปิดฝากล่องได้ซะที ก็พบกับเจ้าเมาส์ตัวขาวนอนอย่างสงบ ซึ่งก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยว่าพี่ ทิม แกออกแบบให้ของอยู่ติดกับฝาขนาดนี้เลยหรอ โอเค งั้นก็ถือว่าเริ่มใช้ได้เลยละกัน

ต่อไป เราสามารถยกพื้นที่รองตัวเมาส์ออกไปได้ ซึ่งก็จะพบกับคู่มือต่างๆที่คงไม่ค่อยจะมีใครอ่านหรอก แล้วที่ด้านล่างสุดจะพบกับสายชาร์จ Lightning ตัวเดียวกันกับสายชาร์จไอโฟนปกติเลย ก็ดี จะได้เอามาเป็นสายสำรองตอนอันปัจจุบันเปื่อยจนไม่กล้าใช้

ของทุกอย่างที่อยู่ภายในกล่อง

จำได้ว่ารุ่นเก่าจะเป็นแบบใส่ถ่าน แต่เจ้ารุ่นใหม่นี้เป็นแบบชาร์จแบต ซึ่งช่องสำหรับชาร์จจะอยู่ที่ด้านล่าง นั่นก็หมายความว่าตอนชาร์จจะไม่สามารถใช้ได้นั่นเอง

สำหรับน้ำหนักถ้าเทียบกันระหว่างเจนแรกกับเจนสองนี้ ผมขอบอกว่าไม่ทราบ เพราะไม่เคยได้จับเจนหนึ่ง หรืออาจจะเคยแต่คงลืมไปแล้วว

สำหรับหน้าตาก็เรียบหรูสไตล์ Apple แต่ขนาดเรียกได้ว่าเล็กกว่าที่คิดเอาไว้มาก การใช้งานจริงสำหรับผู้ที่ชินกับเมาส์เกมมิ่งอาจจะหัวเสียพอสมควรเพราะไม่สามารถจับได้แบบเต็มกำมือ แถมตัวเมาส์เองก็ถือว่าค่อนข้างบางมาก อย่าเรียกว่าจับเลย เรียกคีบจะดีกว่า = =

การเชื่อมต่อทำผ่าน Bluetooth การจับคู่หากันทำได้ง่ายดี หากันจนเจอในเวลาไม่กี่วินาที หรือจะใช้วิธีสร้างสายสัมพันธ์โดยการสอดใส่สาย Lightning เพื่อจับคู่กันก็ได้

สำหรับการคลิกถือว่าทำได้หนักแน่นมาก น้ำหนักกำลังดี เสียงการคลิกแต่ละครั้งดัง ชัด สนั่น สะใจ แต่มีข้อเสียคือต้องเลือกที่จะคลิกซ้ายหรือขวาเท่านั้น ถ้าจะเปลี่ยนการคลิกจะต้องยกนิ้วขึ้นเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะคลิกไม่ได้ ถ้าเอาไปเล่นเกมเร็วๆอาจจะมีอาการหงุดหงิดได้… เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ย้อนกลับขึ้นไปอ่านด้านบนคือบอกว่าจะเอามาเล่นเกมด้วยใช่มั้ย?!? อุว้ากกกก

ขนาดเล็กกว่าที่คิดไปซักหน่อย ลองเอามาเทียบกับมือ

เอาเป็นว่าถ้าใครชอบหรืออยากลองว่าความรู้สึกตอนใช้มันเป็นอย่างไร จะซื้อมาลองก็ไม่เสียหาย เพราะมันเป็นเมาส์ที่ถือว่าเทพเลยทีเดียวถ้าเอามาใช้ร่วมกับเครื่องแมค เพราะมันมีฟีเจอร์เด็ดๆที่ไม่มีทางหาได้ในเมาส์ PC ตัวอื่นๆ เช่น การเอานิ้วสะกิดถูๆเพื่อเลื่อนคอนเท้นท์ แลกกับการไม่มีลูกกลิ้งก็ถือว่าเป็นฟีลที่แปลกดี การปัดสลับซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนหน้าจอ ซึ่งผมคิดว่าสะดวกดี เหมือนใช้แทร็กแพดเลย

แต่จะไม่แนะนำถ้าคุณจะเอามาใช้เพื่อจุดประสงค์การเล่นเกมด้วย เพราะมันอาจสร้างความหัวร้อนได้ระดับนึงเลยทีเดียว

และด้วยขนาดกับความบางของมัน การจับอาจจะต้องปรับตัวกันซักระยะ ตอนนี้ผมใช้วิธีเอานิ้วโป้งกับนิ้วนางคีบตัวเมาส์ไว้ หรือว่า Apple จงใจออกแบบให้มันเบาและบางเพื่อที่จะให้คนจับ (หรือคีบ) แบบนี้กันรึเปล่า

หน้าตามันสวยเลยทีเดียว

บทส่งท้าย

สำหรับผม การใช้งานมันออกจะผิดจุดประสงค์ไปนิด อาจจะลองใช้ไปซักระยะเผื่อว่าจะคุ้นชิ้นกับมันมากขึ้น แต่ถ้าไม่ ภายใน 15 วันนี้ผมอาจจะทำเรื่องขอคืนเงิน แล้วไปซื้อพวก Hub USB-C อะไรแบบนี้มาแทน แล้วค่อยเอาเมาส์เกมมิ่งตัวเก่าจากที่บ้านมาใช้ดีกว่า แต่ผมไม่ปฏิเสธนะว่ามันเป็นเมาส์ที่แจ่มตัวนึงสำหรับการทำงานบนเครื่อง Macbook จริงๆ เพราะบางทีงานบางอย่างมันทำด้วยเมาส์จะสะดวกและเร็วกว่าการทำด้วยแทร็คแพดเอามากๆน่ะสิ

Sign up to discover human stories that deepen your understanding of the world.

Free

Distraction-free reading. No ads.

Organize your knowledge with lists and highlights.

Tell your story. Find your audience.

Membership

Read member-only stories

Support writers you read most

Earn money for your writing

Listen to audio narrations

Read offline with the Medium app

No responses yet

Write a response