จากใจคนใช้ iOS ที่ลองเปลี่ยนไปใช้ Android และกำลังจะกลับมา iOS อีกครั้ง

Lemon Sensei
2 min readOct 3, 2018

--

ของส่งมาเร็วมาก สภาพสินค้าค่อนข้างดี ตัวกล่องมีรอยบุบนิดๆ ต้องตำหนิ Lazada นิดนึงว่า “พี่ห่อของบางไปรึเปล่า?”

ทุกอย่างเริ่มจากดีลวันนั้น… เผอิญผมร่างบทความนี้ไว้สักพักใหญ่ๆหลังจากได้ s9 ตัวงามมา คิดว่าวันนี้จะมาเขียนต่อให้จบ

เรื่องมันเริ่มขึ้นตอนวันที่ 9 เดือน 9 ทาง Lazada จัดอีเว้นท์ครั้งใหญ่ ขนของบนแพลตฟอร์มตัวเองมา Sale แหลก พ่วงแถมอีเว้นท์เด็ดๆเช่น Flash Deal โผล่มาประปราย ซึ่งบางทีถ้าเข้าไปถูกเวลาล่ะก็ แจ๊กพ็อตแบบผมเนี่ย 5555+

วันที่ 9 เดือน 9 เวลา 23.58 อีกสองนาทีกำลังจะหมดเวลากิจกรรม วันนี้ทั้งวันผมรอแต่กดเจ้าเครื่องนี้ แต่เหมือนดวงไม่ดีเอาซะเลย พอของลงปุ๊ป ไม่กี่วินาทีมันก็จะอันตรธานหายไป ไม่น่าเชื่อว่ามันจะขายดีมากเหมือนเทกระจาดลงน้ำ

สองนาทีสุดท้าย ผมคิดว่ากำลังจะพอแล้ว ไปนอนดีกว่า แต่ในใจก็คิดว่าลองเข้าไปดูอีกสักครั้ง หลังจากรีเฟรชหน้าปุ๊ป มีตัวเลขที่ไม่คุ้นเคยโผล่ขึ้นมา in stock : 1 O_o!

จังหวะนั้นในหัวไม่คิดอะไรอีกแล้ว ไม่มีความลังเล ปุ่มซื้อทันทีที่ไม่คิดว่าจะได้กดถูกกดลงไปอย่างรวดเร็ว เวลาที่ใช้ในการจ่ายเงินผ่าน Paypal ไม่ถึง 20 วินาที ออเดอร์ของผมถูกยืนยันเรียบร้อย sms จากธนาคารระบุว่ายอดเงินได้ถูกตัดไป อีเมลล์จาก Lazada สรุปข้อมูลออเดอร์ได้ถูกส่งตามมา ในใจผมตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่นึกว่าการแย่งของ Sale มันจะเหนื่อยได้ถึงขนาดนี้ แล้วผมก็หลับไป…

อีกสองวันต่อมา พัสดุก็มาถึงหน้าประตูบ้าน ระ.. เร็ว!

เหตุผลที่อยากลอง

สมาร์ทโฟนระดับแนวหน้าประจำปีนี้ มาขายราคาเท่านี้ มีหรอจะไม่เอา

ราคาปกติ 22,900 บาท (อ้างอิงจาก Lazada) ราคาเครื่องเปล่าหน้าศูนย์ 27,900 บาท แต่สามารถกดได้ที่ราคา 16,900 บาท คิดดูว่ามันเพอร์เฟคแค่ไหน ราคาถูกกว่าเครื่องมือสองบางเครื่องซะอีก นี่เครื่องใหม่แกะกล่องเลยนะ =[]=

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่า Android เป็นยังไง

แอนดรอยด์เครื่องแรกที่ผมใช้คือ Note 2 ซึ่งมันก็นานแสนนานมาก ผมใช้มันอยู่สักพักใหญ่ๆแล้วก็ได้โอกาสเปลี่ยนไปใช้ค่ายผลไม้ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ข่าวคราวน้องแอนดรอยด์หุ่นเขียวอีกเลย

แต่ปี 2018 นี้ มีโอกาสได้กลับไปจับน้องอีกครั้ง อยากจะรู้จริงๆล่ะว่าความรู้สึกมันต่างกับสมัยนู้นแค่ไหน // ซึ่งก็ต่างจริงๆ ตัวเครื่องบางมาก เบามาก และหรูหรามากๆ หยิบมาจับจ้อง ลูบไล้มันได้ทั้งวันเลยแหละ

อยากเห็นความเทพของกล้อง + จอ ที่เขาร่ำลือกัน

ซึ่งพอได้ลองใช้ก็ไม่ผิดหวังเลย คุณภาพไฟล์ที่ออกจากกล้องอยู่ในขั้นดีมากๆ สายเซลฟี่น่าจะชอบมากเป็นพิเศษ ถึงผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพบ่อยนัก (screenshot ในเครื่องมากกว่าไฟล์จากกล้องอีก) แต่ก็บอกได้ว่าเจ้า s9 นี้ถ่ายภาพออกมาได้เพอร์เฟคมาก เมื่อรวมกับจอ Super Amoled ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคมชัดและความสดของสี บอกได้เลยว่า s9 นี่มันโหดจริงๆ ประทับใจมากๆ *0*

ถ่ายมาแต่ลืมแกะพลาสติดหุ้มครับ เพิ่งเห็นว่าติดแสงสะท้อนด้วย

เหตุผลที่กลับใจ

ค่า Input Latency ยังทำได้ไม่ดีเท่า iOS

แต่ๆๆๆ การใช้งานปกติมันจะไม่เห็นความแตกต่างเลย ยกเว้นแค่ถ้าคุณเป็นสายนักพัฒนาหรือเป็นนักเล่นเกมบนมือถือตัวยงนี่แหละถึงจะเริ่มมองออก ถ้าให้พูดสั้นๆ ปัญหานี้มันมีมาค่อนข้างจะนานมากแล้วสำหรับระบบปฏิบัติการ Android คือเวลาเรา Input อะไรสักอย่างผ่านการแตะหน้าจอ มันจะมีช่วงเวลาหน่วง gap นิดนึงก่อนการทำงานจะเริ่ม

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเครื่องแรงหรือไม่แรง แต่น่าจะเป็นที่ตัว os เองซะมากกว่าที่ยังรับมือกับจุดนี้ได้ไม่ดีพอ ปัญหานี้จะสร้างความรำคาญให้อย่างมากถ้าเล่นเกมอะไรที่ใช้การควบคุมเร็วๆ เช่น เกมจับจังหวะ ต้องกดให้ทัน ณ ตอนนั้นอะไรงี้ คือเรากดทันนะ แต่คำสั่งที่ส่งเข้าไปมันจะช้าไปนิดนึง กลับกลายเป็นว่าเรากดไม่ทันซะงั้น อ้าว! หรืออีกตัวอย่าง เล่น RoV แล้วกดสกิลพลาดไปเสี้ยววินึง ทั้งๆที่เสี้ยววินั้นมันสำคัญมากๆ เรามั่นใจว่ากดถูกจังหวะแน่ๆ แต่คำสั่งมันจะดีเลย์นิดนึงนะ…

เกมมันหน่วงและแลคกว่า

อันนี้ถือว่าแปลกมาก ถ้าผมไม่ได้รู้สึกไปเอง แต่ตอนเล่น RoV ในช่วงก่อนเริ่มเกมที่มีการโหลดแมพ เครื่อง s9 ตัวนี้โหลดข้อมูลช้ากว่า 6s เมื่อสามสี่ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเครื่องที่ใหม่กว่าตั้งหลายปีทำไมแพ้ตรงจุดนี้ได้

อีกจุดหนึ่งคือเรื่องเฟรมเรท ผมชอบเล่นในโหมดเฟรมเรทสูงเพราะภาพมันลื่นและสมูทดี แต่ผมพบว่าเจ้า s9 นี่เฟรมเรทมันแกว่งกว่า 6s ตัวเก่าซะอีก =[]= เมื่อรวมปัญหานี้กับปัญหาด้านบน + การใช้งานผมเน้นเล่นเกมแบบหนักหนามาก จึงไม่แปลกใจที่มันจะกลายเป็นข้อเสียสำหรับผม (แต่ถ้าตัดไลฟ์สไตล์แบบผมไปจะพบว่า s9 มันแทบจะไม่มีข้อเสียเลย)

Bixby มันสำคัญขนาดต้องมีปุ่ม physical ข้างๆเครื่องเลยเรอะ

ข้อนี้ผมคิดว่ามันเข้าขั้น “ยัดเยียด” กันเลยแหละ หลายครั้งหลายครามากๆ ที่จะต้องเผลอตัวไปโดนไอปุ่มนรกนี่ ไม่ว่าจะเผลอไปกดตอนอยากจะลดเสียง เผลอไปกดตอนถ่ายรูป (ใช้ปุ่มลดเสียงเป็นปุ่มชัตเตอร์) หรือแค่กำเครื่องไว้ปุ่มนี้มันก็กดตัวมันเอง หรือเอาเครื่องไปชนสิ่งของนิดหน่อยก็ไปโดนไอปุ่มเนี๊ยะ มันจะบังเอิญเกินไปมั๊ยยย!

สรุปคือมันทำให้เสียงเวลา และรำคาญมากๆ (ได้ข่าวว่าปุ่มนี้มันสั่งปิดหรือเปลี่ยนฟังชันก์ได้ แต่ผมหาการตั้งค่าตรงนี้ไม่เจออ่ะ -0-) เอาเป็นว่าถ้าซัมซุงจะเอามันออกไปผมเชื่อว่าผมและหลายๆคนจะ Appreciate มากๆครับ 555555

ผมลงทุนไปกับ iOS เยอะมาก

ไม่ว่าจะแอปฯ จะเพลง ผมซื้อมันบน iOS ไว้เยอะมากๆครับ ตีเป็นจำนวนเงินก็มากพอสมควรถึงขนาดที่ว่าถ้าต้องไปซื้อซ้ำใน Play Store คงคิดหนักกันเลยทีเดียว

อีกกรณีคือ เกมบางเกมมันแยกแพลตฟอร์มด้วยครับ ถึงแม้เวลา Join ห้องมันจะเล่นร่วมกันได้ แต่เซฟเกมที่ถึงแม้มันจะอยู่บนคลาวด์แต่หากว่าถ้าเราย้ายไปเครื่องใหม่แบบข้ามแพลตฟอร์ม ตัวเกมจะบังคับให้เราใช้ไอดีใหม่ด้วยครับ เหวอไหมล่ะ เอ้าต้องซื้อสกินใหม่หมดทุกตัวนะ แอ๊กกกกกกกกก (เสียงกระเป๋าฉีก)

ผมว่าจะปล่อยวางเรื่องมือถือแล้ว

คิดว่าหลังจากนี้ใช้อะไรก็ใช้ไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะพังคามือนั่นแหละถึงจะคุ้มค่า ถ้าหากเรามัวแต่เปลี่ยนตามรุ่นใหม่ๆที่ออกกันรายปี เราก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี เราใช้ของให้นานขึ้น เปลี่ยนเฉพาะเมื่อมีฟังชันก์โดนๆที่เราจำเป็นต้องใช้จะดีกว่า

ส่วนตัวผมขายต่อราคาเท่าทุนไปแล้วกับ s9 ตัวนี้ กำลังคิดว่ารออีกเดือนนึง เผื่อ iPad pro ตัวใหม่จะเปิดตัว ผมคิดว่าจะไปสอยมา แล้วโยนการทำงานทุกอย่างจากมือถือไปลงที่เจ้านี่ให้หมดครับ (ได้ข่าวว่าแพดโปรตัวใหม่จอไร้ขอบด้วยนะเออ)

สรุป

ถือว่าแทบจะไร้ขอเสียจริงๆสำหรับ s9 ตัวปัจจุบัน แทบจะหาจุดติไม่ได้เลย เอาเป็นว่าใครได้ไปในราคานี้ถือว่าคุ้มมากๆครับ และถ้าใช้ยาวๆจะยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก ของเทพขนาดนี้ ราคาเท่านี้ นานๆทีจะมีโผล่มา เพราะงั้นใครที่ได้ไปคุณก็โชคดีมากๆแล้วล่ะ

ปล.เตรียมอ่านรีวิว iPad pro 2018 ได้เลยครับ // ถ้ามันออกอ่ะนะ

Sign up to discover human stories that deepen your understanding of the world.

--

--

No responses yet

Write a response